เรียนให้สนุก ,ท้าทาย และ ได้ทักษะ
เรียนให้สนุก ,ท้าทาย และ ได้ทักษะ หลังจาก บทความ “อาชีพแห่งอนาคต”
ที่ครูหนุ่ม ได้คาดการณ์ แนวทางอาชีพในอีก 5 – 10 ปี ข้างหน้าเอาไว้ เพื่อให้คุณพ่อ คุณแม่ แม้แต่ตัวของน้องเองจะได้มีแนวทางให้จับ ให้ยึดเอาไว้ ในการฝึกฝนตนเอง ประมาณว่ายังทัน แต่ต้องเริ่มฝึกฝนทักษะต่างๆ ของตนเองนับตั้งแต่ตอนนี้
และ เพื่อจะให้พร้อมสำหรับทำอาชีพแห่งอนาคตเหล่านั้น ครูหนุ่มจึงเขียนบทความนี้ เพื่อเล่าแนวทางการเรียนรู้ที่เหมาะสม นั้นเอง
แนวคิดที่ครูหนุ่มพูดถึงคือ
Flip ClassRoom และ 4F – Model นะครับ ดังรูปด้านล่าง แถบ สีกรม (เปรียบเสมือนลำต้น ของต้นไม้ ส่วนอาชีพในอนาคตต่างๆ เปรียบเสมือนกิง ก้าน ใบ ) ซึ่งลำต้นย่อมเป็นแหล่งที่มาของกิง ก้าน ใบนั้นเอง
เริ่มจาก Flip ClassRoom
(Filp Class Room = รับความรู้ที่บ้านผ่านสื่อ Digital, ทำกิจกรรมเชิงสังคมในเรื่องนั้นๆ ที่โรงเรียน)
Filp Class Room เป็นกระบวนการเรียนรู้ ที่ให้ความสำคัญต่อเวลาในห้องเรียนที่เป็นมากกว่าแค่การฟังและจด ตามคุณครูสอน โดย Filp Class Room ทำให้คุณครูอยู่กับ ความสนใจของเด็กนักเรียน (ในห้องเรียน Flip Class Room เด็กจะคิด จะพูด จะเล่า และค้นคว้า มากกว่าการเรียนแบบปรกติทั่วไปมากนัก (ในการเรียนแบบเดิมๆ เด็กจะนั่งฟังความรู้จากคุณครูและจดตามในห้องเรียน ประหนึ่งโลกนี้ไม่มี Internet )) ดังรายละเอียดตามบทความที่ครูหนุ่ม เคยลงไว้แล้วที่
https://www.facebook.com/RaiseGenius/posts/1402839273239700?__tn__=K-R
เมื่อการเรียนการสอนเป็นแบบ Flip ClassRoom เด็กจึงจะสามารถแสดงออกได้ถึงความคิดความสนใจ การค้นคว้าที่ทำมา ซึ่งจะทำให้เกิด การวิเคราะห์ ทดลอง และ สรุปในตัวเด็กเอง ซึ่งจะยังผลให้เด็ก ค้นพบความสนใจในอาชีพของตนได้เร็วกว่า การเรียนในระบบปรกติเป็นอย่างมาก
ส่วน 4F Model (ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์) อันประกอบไปด้วย Fun, Find , Focus และ Fulfill (สนุกกับการเรียนรู้, สืบค้นสิ่งต่างๆ , แนวแน่ มีสมาธิในการค้นหาคำตอบ และ ทำงานให้สำเร็จ รวมถึงเติมเต็มความรู้,คำแนะนำ และ อุปกรณ์ต่างๆ ให้แก่เด็ก) ซึ่ง 4F Model ถือเป็นขั้นตอน ให้เด็กไล่ STEP ลงมือทำ ตั้งแต่การสร้างแรงบันดาลใจ จนไปลงมือปฏิบัติโครงงานต่างๆ ให้เสร็จสิ้น
เมื่อเด็กเรียนรู้ด้วยแนว 4F Model เด็กจะเรียนรู้อย่างมีชีวิตชีวา แจ่มใส มีเพื่อน มีการแลกเปลี่ยน ยังผลให้เมื่อเด็กเติบโตขึ้นจะสามารถสร้างสรรค์งานและ อาชีพ ที่ผสมลงตัวระหว่าง ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี ความต้องการของมนุษย์ และ ปรับตามสภาพสังคม ต่างๆ ได้อย่างลงตัว
และ 4F Model ยังเป็นกระบวนเรียน ที่ช่วยป้องกัน ให้เราไม่กลับไปเรียนแบบเดิม ที่เป็น 2L2E Model คือ Listening , Lecture , Exercise and Exam อีกด้วย
ย้อนกับมาที่ “เรียนให้สนุก ,ท้าทาย และ ได้ทักษะ”
ธรรมชาติเด็กกับความสนุกจะเป็นของคู่กัน เพราะเด็กยังรู้สึกตื้นเต้น ไปกับสิ่งใหม่รอบตัวของเขาอยู่ (ส่วนผู้ใหญ่จะชิน และ เห็นเป็นเรื่องปรกติ) การเรียนให้สนุก ย่อมทำให้เด็กอยู่กับการเรียนรู้นั้นๆ โดยเราไม่ต้องบังคับให้เรียนรู้ (อาจจะต้องควบคุมให้เด็กไม่สนุกจนเกินเลยแทน 555) การบังคับให้เด็กเรียนอาจจะได้ผลดีในระยะสั้น แต่ผู้ใหญ่ไม่ได้สะดวกและพร้อมที่จะบังคับเด็กได้ตลอดเวลา จึงทำให้ต่อไปเมื่อไม่บังคับเด็กก็จะไม่เรียน (เพราะไม่น่าเรียน) ไปซะอย่างงั้น เลยต่อบังคับกันต่อไป
การเรียนให้สนุก ครูหนุ่ม กับคิดว่า สำคัญที่การจัดรูปแบบการเรียนให้สนุก เด็กคู่กับการเคลื่อนไหว การมีปฏิสัมพันธ์ การลงไม้ลงมือ ถ้าสามารถปรับการเรียนในหลายๆ วิชา ให้เป็นเชิง Activity Base ,Active Learning ได้ ก็จะช่วยให้สนุกได้อย่างแน่นอน
ย้อนกับมาที่ “เรียนให้สนุก ,ท้าทาย และ ได้ทักษะ”
มาถึงคำว่า ท้าทาย ซึ่งคำนี้ การเรียนแบบเดิมในห้องเรียนจะไม่รู้จัก เพราะทุกอย่างจะเป็นลักษณะเกณฑ์คงที(เช่น เกรด,คะแนน ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัด มีอำนาจในการจำแนกเด็กเก่งเด็กอ่อนออกจากกัน) มีกำหนดมาก่อน ตัวคะแนนจะแปรผันกับ ความตั้งใจและความพยายาม ตัวคะแนนสามารถกำหนดเกณฑ์การให้ได้เลยตั้งแต่ต้น เต็มร้อยมีเด็กทำได้แน่ จึงยังไม่ใช่การท้าทาย เพราะการท้าทายจะต้องทำให้เด็ก ตืนเต้น พร้อมที่จะ Spin ตัวเอง, ทุ่มเท, ปรับเปลี่ยนตนเอง และ คิดนอกกรอบ (และบางครั้งก็มีความเสี่ยงว่าจะทำไม่ได้ดี หรือ ทำไม่ได้)
การท้าทายจะเกิดขึ้นได้ จากการเรียนแบบ Flip Class Room เนื่องจาก เด็กจะมีส่วนร่วมต่อการคิดโจทย์ คิดเป้าหมาย คิดโครงงาน จึงทำให้เด็กสามารถท้าทายตนเอง ในการทำโจทย์ที่ยาก โดยเฉพาะรู้สึกว่ายากกว่าความสามารถของต้น ตั้งแต่แรก
ความท้าทาย ดีอย่างไร ความท้าทายทำให้เด็กทุ่มเท เพื่อพิสูจน์ตนเองในทุกแง่ ทุกมุม ทำให้สมองเด็กเปิด พร้อมที่จะค้นคว้าและทดลองสิ่งต่างๆ เพื่อให้งานสำเร็จ
และ จริงไหมครับที่ โลกแห่งความจริงที่เด็กๆ จะต้องเติบโตต่อไป (Post COVID) จะมีความท้าทาย ต่อการทำงาน อาชีพ การใช้ชีวิตตลอดเวลา (UnCertainty)
มาถึงคำสุดท้าย คือ ได้ทักษะ
คือ เมื่อเด็กผ่านการลงมือทำอย่างทุ่มเท ทักษะจะเกิด เพราะทักษะเกิดจากการทำซ้ำ และ จากการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทักษะที่ได้จะเป็นทักษะรอบด้าน ได้พร้อมๆ กัน เช่น ทักษะการคิด,พูด,ลงมือทำ,การแก้ปัญหา,การเป็นผู้นำ ฯลฯ
ดังนั้น การเรียนให้สนุก ,ท้าทาย และ ได้ทักษะ ถือเป็นแนวทางที่ทำให้เด็กพัฒนาตนเอง อย่างมีความสุข และ มีคุณค่าในตนเอง อย่างสวยงามนะครับ
ครูหนุ่มอยากเชียร์ให้ ผู้ปกครอง คุณครู ผู้บริหาร ลองศึกษาแนวคิดเหล่านี้เพิ่มเติมจาก แหล่งอื่นๆ ด้วยนะครับ ถ้าเห็นตรงกันเรามาช่วยกัน สร้างเด็กยุคใหม่ กันนะครับ ยังมีความท้าทายอีกมากกกกก ที่เด็กยุคนี้จะต้องเจอนะครับ เอาใจช่วย
ครูหนุ่ม
credit 4f Model: ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์
credit ห้องเรียนกลับด้าน โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
https://exhibition.satitpatumwan.ac.th/2558-003/1107/
credit สพฐ.ดันห้องเรียนกลับทาง (Flipped Classroom)