fbpx

ถอดรหัส ความสำเร็จนักเรียนรอบพอร์ต

ถอดรหัส ความสำเร็จนักเรียนรอบพอร์ต

คอร์ส เตรียม portfolio แฟ้มผลงาน เตรียมสอบเข้าคณะ วิศวกรรม
ถอดรหัส ความสำเร็จนักเรียนรอบพอร์ต

เริ่มต้นจากทำไมมหาวิทยาลัยต้องมีรอบพอรต์?

ในเมื่อเมื่อก่อนมี รอบสอบตรง รอบโควต้าและรอบ Admission อยู่หลายรอบอยู่แล้ว

เมื่อการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยมีความเข้มข้นอย่างมาก ดังนั้นการที่จะเรียนให้จบต้องใช้ความมุมานะ เพียร พยายามสูง ต้องใช้องค์ความรู้และต้องใช้การค้นคว้าอย่างมาก โดยเฉพาะในศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูง ต้องเรียนรู้ทั้งภาคปฏิบัติและทางทฤษฎีในเวลาที่จำกัด 4 ปีเท่ากับสาขาอื่นๆ เช่น วิศวะหุ่นยนต์ วิศวะแมคคาทรอนิค วิศวะคอมพ์ และ ICT เป็นต้น การคัดกรองผู้ที่เข้ามาศึกษา จึงต้องเป็นผู้ที่มีคุณลักษณะเฉพาะ มีความตั้งใจสูง และความเพียรพยายามมากกว่าปกติ ดังนั้นการคัดเลือกด้วยคะแนน admission จึงไม่สามารถบ่งบอกคุณลักษณะของผู้เรียนนั้นได้ ทางมหาวิทยาลัยจึงเกิดรอบการคัดเลือกโดย portfolio ขึ้น ทั้งนี้เพื่อลดการรีไทร์ ลดการซิ่ว จากการที่นักเรียนยังไม่ค้นพบตัวเอง เพื่อลดความสูญเสีย ทั้งของมหาวิทยาลัย ผู้ปกครอง และตัวผู้เรียนเอง เพราะถ้าหากเกิดการรีไทร์และการซิ่วขึ้น ทุกฝ่ายก็จะเสียทั้งเวลาและทรัพยากรโดยใช่เหตุ รวมทั้งนักเรียนบางคนจะเกิดความเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งจะมีผลในการดำเนินชีวิตในตอนโต ว่าเคยผ่านความล้มเหลวในชีวิตมาก่อน ดังนั้นการคัดเลือกรอบพอร์ตจึงเกิด มีเพื่อลดความสูญเสียที่กล่าวมาข้างต้น

จากเหตุผลดังกล่าว บุคลิกของนักเรียนรอบพอร์ต จึงควรที่จะเป็นผู้ที่มีความเพียรพยายาม มีความมุมานะ เรียนรู้อย่างไม่หยุดหย่อน ในบางศาสตร์ที่ยากก็ต้องให้เวลากับตัวเอง ค้นคว้าและทดลองอยู่หลายรอบ ดังนั้นจึงต้องมีเวลาเพื่อที่จะไม่กดดันตัวเองจนเกินไปนัก ให้เวลากับตัวเอง ค่อยๆทยอยศึกษาความซับซ้อนในแต่ละด้าน และเมื่อถึงจุดที่เหมาะควรนำความรู้แต่ละด้านมาเชื่อมโยงกัน ก็จะสามารถมีความสมบูรณ์ในองค์ความรู้นั้นทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ รวมทั้งควรจะเป็นผู้ที่สามารถสื่อสารได้ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือการพูดคุย

มีผู้ปกครองหลายท่านถามครูว่านักเรียนอยู่ ม.6 แล้วจะสามารถเข้ารอบพอร์ตได้หรือไม่…
สามารถเข้าได้เช่นกันค่ะ ทั้งนี้ต้องดูที่ความถี่ในการฝึกฝนจากเวลาที่เหลือ เช่นหากผู้อื่นฝึกฝนแค่สัปดาห์ละ 1 ครั้งแต่ถ้าเราจัดเวลาให้ฝึกฝนได้เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งก็สามารถชดเชย 2-3 ปีที่ผ่านมาได้นะคะ ตรงนี้ก็จะตอบเรื่องความเพียร แต่เท่านั้นยังไม่พอ ต้องสามารถสื่อสารเล่าให้ฟังได้ด้วยว่าสิ่งที่ทำมีที่มาที่ไปอย่างไร มีประโยชน์กับใคร มีกลไกอย่างไรบ้างเป็นต้นนะคะ

ซึ่งในความเป็นจริงนักเรียน ม.6 จะค่อนข้างเครียดอยู่แล้ว กับเนื้อหาวิชาการอื่นๆ ที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะมาทำทุกอย่างในเวลาเดียวกัน

และก็มีผู้ปกครองอีกหลายท่านถามเช่นกัน ว่าหากต้องการสอบเข้าวิศวะหุ่นยนต์ จำเป็นต้องผ่านการแข่งหุ่นยนต์มาไหมคะ
จากการดูแลนักเรียนรอบพอร์ตหลายปีที่ผ่านมา ครูสามารถแจ้งได้ว่านักเรียนที่สามารถสอบผ่านรอบพอร์ตช่วงหลังนี้ไม่เคยผ่านการแข่งหุ่นยนต์มาก่อนเลย เพียงแค่วิธีการเรียนรู้ในปัจจุบันได้อัพเดทความก้าวหน้า มีสื่อการเรียนที่หลากหลายมากขึ้น เป็นทางเลือกให้นักเรียนได้เรียนรู้เยอะขึ้น นอกจากเรียนรู้ผ่านการแข่งหุ่นยนต์แล้ว ยังสามารถเรียนรู้จากการลงมือทำ project ต่างๆได้อีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่สาระสำคัญว่าการส่งรอบพอร์ตจึงต้องผ่านการแข่งหุ่นยนต์มาเท่านั้น หากนักเรียนได้มีการเรียนรู้ผ่านการทำโปรเจคก็สามารถนำทักษะนั้นๆมาใส่ใน portfolio เพื่อเป็นตัวให้เกิดความแตกต่าง สร้างสรรค์ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนกับอาจารย์ที่สัมภาษณ์รอบพอร์ตได้ อาจารย์จะสนใจเนื้อหาในโครงงานมากกว่าว่ามีความเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างไร ทั้งนี้การทำ project จะเป็นการจำลองการเรียนในมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะประมาณปี 2 และปี 3 ซึ่งจะต้องระดมสรรพกำลังทั้งความรู้ทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติออกมาแก้ปัญหาเพื่อให้งานลุล่วง ดังนั้นผู้ที่ส่ง project ในพอร์ตจึงมีความน่าสนใจมากกว่าผลของการแข่งหุ่นยนต์

ครูจึงขอแนะนำว่า หากต้องการให้นักเรียนค้นพบตัวเอง ควรจะให้เวลาในการทำความเข้าใจและเรียนรู้ แต่เนิ่นๆนะคะ ทั้งนี้ครูก็ยังเชื่อในทฤษฎี “รักในสิ่งที่ทำ” มากกว่า “ทำในสิ่งที่รัก” อยู่ดีค่ะ การให้นักเรียนได้มีเวลาค่อยๆเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างค่อยเป็นค่อยไปสักวันหนึ่งเขาจะทำเป็นเก่งขึ้นเรื่อยๆ มั่นใจตัวเองขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุด สามารถเชื่อมโยงและประยุกต์ใช้ได้ จะส่งผลให้ภูมิใจในตัวเอง เมื่อถึงจุดนั้นอะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้วค่ะ soft skill มาเต็มเลยค่ะ hard skills มีอยู่แล้ว soft skills ก็มา … ก็เลยเป็นที่มาของการสอบรอบ portfolio นะคะ

Tags:

About The Author

rose innovation
สาเหตุที่เรียน online ไม่ประสบความสำเร็จ